2554-03-22

ทัวร์สิงคโปร์ 2N/3D -- Episode One : วันแรกกับการตะลอนริมแม่น้ำสิงคโปร์

หลายคนคงเคยไปประเทศนี้มาแล้ว....สิงคโปร์
แต่ความรู้สึกก่อนไปกับหลังไปแล้วต่างกันลิบ บ้านเมืองเขาสุดยอด รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกบอยู่ในกะลาเลยอ่ะ ได้ออกไปผจญภัยในประเทศเพื่อนบ้านแล้วมองกลับมาบ้านเมืองเราแล้วอยากให้ได้สักครึ่งหนึ่งของเขาจัง...แต่ก้อนะ

แม้บ้านเมืองเราจะด้อยในเรื่องของการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจอย่างที่สิงคโปร์เขามี แต่ในเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติต้นไม้ เรายังคงนำหน้าเขาเยอะ ..ฉะนั้น ชาวไทยจงช่วยกันรักษาต้นไม้ไว้มันไม่ใช่แค่สมบัติของชาติ แต่ให้คิดซะว่ามันคือ สมบัติของคนไทยทั้งประเทศนั้นแหละ++

สิงคโปร์ ...เป็นประเทศเล็ก ๆ ที่น่าอยู่นะในความรู้สึกเรา สถาพโดยรวมของบ้านเมืองเขาดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ตึกรามากมาย สูงเสียดฟ้าพอ ๆ กับต้นไม้ที่เขาสมารถแทรกแทรงได้ทุกที่แม้จะมีตึกมากมาย แต่ก้อมีต้นไม้ให้เห็นเป็นระยะ ต้องยกนิ้วให้กับคนวางผังเมืองที่จัดระเบียบให้ประเทศน่าอยู่ น่าเดิน เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นเยี่ยมในเอเชียเลยทีเดียว...

พวกเราได้มีโอกาสไปเที่ยวแบบ 2 คืน 3 วัน ฉบับแพ็คกระเป๋าหนีเที่ยวนั่นแหละ เพราะเวลาแค่นี้ อย่าหวังว่าจะได้เที่ยวทั่วสิงคโปร์เลย เราก้อเลยจัดทริปเลือกไปแต่สถานที่ที่สุดยอดจริง ๆ เท่านั้น

งั้นก้อมาดูกันเรยดีกว่าว่า... 2วัน 3คืน เราไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง..รับรองแต่ละที่เด็ด ๆ ทั้งนั้น

Episode One : วันแรกกับการตะลอนริมแม่น้ำสิงคโปร์
                วุ่นวายกันตั้งแต่เช้าแถมยังโบกรถอิงไปสนามบินอีก เจอมู๋เมย์นั่งอยู่ในรถแระ ตกใจที่เขาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ 5555...
                พอถึงสนามบิน..เจอผู้ร่วมขบวนการอีก 2 ชีวิต นั่นคือ อุ้มกะอ้อ Check in ที่เคาเตอร์ Airasia เสร็จก็เข้าเช็ค passport ที่ ตม. ขาออก ตอนกรอกเอกสารที่ ตม. รู้สึกกดดันเล็กน้อยกับการออกนอกประเทศครั้งแรก กลัวว่าเขาจะไม่ให้ผ่านซะงั้น 555 .. แต่คนที่เช็คให้เขาก้อดีนะ ท่าทางใจดี พูดคุยเป็นกันเอง แค่ถามไม่กี่ประโยคก้อให้ผ่านแระ ...แถมชมว่าพวกเราเขียนภาษาอังกฤษสวยกันทุกคน(ชมหรือประชดมะรู้55)
                ระหว่างที่รอเครื่องออก Gate 66 เข้าห้องน้ำ อิง อุ้ม เมย์ เดินดูของไรนิดหน่อย ส่วนเรากะอ้อเดินหาร้านขายของจะซื้อแปรงสีฟัน ไม่มีกลัวว่าจะหิวเลยได้ขนมปังครัวซอง มา 1ชิ้นกับนม UHT  รสช็อคโกแลต แค่สองชิ้นก้อตั้ง 100 บาท แพงอ่ะ...แอบเสียดายตังค์
                พอถึงเวลาขึ้นเครื่อง ตอน Am09:30  ที่  Gate 66  ต้องขึ้น Minibus  ไปขึ้นเครื่องอ่ะ แบบว่าต้นทุนต่ำก้อเงี่ย 555
ได้นั่งประจำที่เรียบร้อยรู้สึกเกร็งเล็กน้อยถึงปานกลาง เริ่มคิดถึงลูกน้อยกับสามีผู้น่ารักซะงั้น อยากให้ได้ไปเที่ยวด้วยกัน แต่คงต้องรองานหน้าแล้วล่ะ ... ตอนนี้คุณแม่ทำหน้าที่ไปสำรวจพื้นที่ก่อนแล้วกัน ..


                                                                                                ถึงแล้ว...สิงคโปร์

ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า ๆ เราก้อถึงประเทศสิงคโปร์อย่างที่เฝ้าฝันไว้ แค่เครื่องบินเข้าสู่ประเทศเขานะ เราก้อสัมผัสได้ถึงความสวยงามอย่างแรก นั่นคือ...เรือบรรทุกสินค้าที่จอดเรียงรายเป็นระเบียบเรียบร้อย อิงบอกว่าเรือพวกนี้จะจอดเว้นช่องไฟไว้เพื่อความสะดวกในการเข้าออก...
                เรามาถึงสิงคโปร์ในเวลาประมาณ Pm12:35  ก้าวแรกที่ได้เหยียบแผ่นดินเพื่อนบ้าน..รู้สึกตื่นเต้นจัง แต่ก้อผ่านไปได้ด้วยดี พวกเราหาทางออกจากสนามบิน Changi เพื่อเข้าสู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของสิงคโปร์ ก่อนหน้าที่วุ่นวายกับการเดินหาแผนที่มาก เพราะถ้าไม่มีแผนที่เราก้อขึ้นรถไฟฟ้า MRT ไม่ถูกและไม่รู้ที่ลงด้วย และแน่นอนว่าแอบลุ้นอีกแล้วว่าเขาจะให้เราผ่านเข้าประเทศเขาหรือเปล่า...
                เมื่อผ่าน ตม. เข้ามาได้พวกเราก้อไปขึ้นรถไฟฟ้า MRT เราจ่ายตังค์ค่าตั๋วคนละ 15 เหรียญ เป็นที่แรกที่เราใช้เงินดอลล่าร์สิงคโปร์(ด้วยความวุ่นวายทางด้านภาษาเล็กน้อย)
                พวกเราเดินทางจากสนามบินชางกีด้วยรถไฟฟ้าโดยไปขึ้นที่ Tremianl 2 เพื่อเดินทางจาก Changi Airport to Kallang station เพื่อที่จะไป Check in ที่โรงแรม Frangrance Hotel Emerald : Kallang lor 6 โดยขึ้นรถบัสไป 2 ป้ายแล้วเดินลัดเลาะไปอีกที ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีก้อเห็นโรงแรมอยู่กลางซอย..อิงบอกว่าใช่เลย จำสีโรงแรมได้..เชื่อมันเลย55
                อิง อ้อ กุ้ง Check in โรงแรมห้องเดียวกันคือ Family room:Triple bed ห้อง 315 ส่วน อุ้มกะเมย์ Check in  ด้วยกันอีกห้องคือ Superior room:Twin bed  ห้อง 306 เมื่อเอาของเก็บเข้าที่เรียบร้อย พวกเราก้อพร้อมออกเดินทางสู่โลกกว้างทันที



เช็คอินโรงแรม "Frangrance Hotel Emerald" แถว Kallang  ใกล้สถานีรถไฟฟ้าจะได้เดินทางสะดวก
หลังจากเก็บกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อยแร้วพวกเราก้อพร้อมจะตลุยเมืองสิงค์กันแล้วคับ...อิอิ

                พวกเราเดินกลับมาที่รถไฟฟ้าสถานี Kallang อีกครั้งเพื่อจะเดินทางไปโรงละคร Esplanade ทั้ง ๆ ที่พวกเราเดินหลงกันอยู่ใน Esplanade แต่พวกเราก้อยังหาทางออกไม่เจอกว่าจะออกมาจากตึกทรงทุเรียนนั่นได้เล่นเอาล้า...

เดินทางด้วย รถไฟฟ้า MRT สะดวกมาก ไปได้ทุกที่
พอออกมาจากตึก Esplanade ได้พวกเราก้อเริ่มเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกทันที




 

  
  เดินต่อไปอีกนิด เพื่อไปชมความงามของริมแม่น้ำสิงคโปร์



ตึกสูงเสียดฟ้า หน้าตาแปลก ๆ ...ที่บ้านเราไม่มี 5555

                เดินไปได้สักพักพวกเราก้อนั่งพักเพื่อชื่นชมกับทัศนียภาพอันสวยงานริมแม่น้ำ พอดีแถวนั้นมีบูธขายของขบเคี้ยวพวกเราเลยเข้าไปดูได้ข้าวโพดอบเนยมาคนละถ้วย ราคา 2 เหรียญ น้ำปั่น 1.20 เหรียญ



นั่งพักเหนื่อยสัก 15 นาที พวกเราก้อลุยกันต่อ ระหว่างทางที่เดินเจอ “Mosaic Music Festival Singapore 2011” เข้าไปดูได้ที่ http://www.mosaicmusicfestival.com  -- มีวง T-Bone ของไทยไปเล่นด้วยอ่ะ สุดยอดเน๊อะ...เหมือนจะเป็นการแสดงคอนเสริ์ตของประเทศเขานั่นแหละ อากาศกำลงสบายมาก พวกเราเดินชิล ๆ กันไปอย่างไม่รู้สึกเหนื่อย..คงเหนื่อยกับการเก็บภาพมากกว่า..555



                ก่อนจะได้นั่ง Singapore Flyer พวกเราก้อเลือกที่จะหาอะไรรองท้องซะหน่อย เมื่อท้องอิ่มอะไรก้อง่ายสำหรับพวกเรา ...คงงั้น พวก อิง อ้อ อุ้มและเมย์ 4 คน สั่งเมนูไรกินกันมะรู้ หน้าตาแบบภาพข้างล่างอ่ะ ดูแปลกเน๊อะ มีข้าว+ไข่ดาว+มันทอด+ปลาฝอย+ถั่ว+ปีกไก่ทอด แล้วไรนิดหน่อย ดูเลี่ยน ๆ อ่ะ ..

ส่วนเราสั่งข้าวมันไก่กิน แค่อยากรู้ว่าอร่อยอย่างที่เขาบอกหรือเปล่า..พอกินเสร็จเดินไปซื้อน้ำเปล่า 2 ขวด ราคา 3.8 เหรียญ เฉลี่ยต่อขวดก้อ 1.6 เหรียญ ... -..-”


อันนี้ข้าวมันไก่สิงคโปร์เค้า ...ราคาจานละ 5 เหรียญคับพี่น้อง

                หลังท้องอิ่มเราก้อเริ่มหาช่องทางซื้อตั๋วเพื่อขึ้น Singapore Flyer กันซะที ราคาตั๋วตกคนละ 29.50 เหรียญ ก่อนขึ้นเหมือนราคาอาจจะแพงไป แต่พอได้ขึ้นไปได้ชมวิวโดยรอบเกาะสิงคโปร์ เราแทบจะไม่คิดเสียดายตังค์ที่เสียไปเลยแม้แต่น้อย อย่างสวยงาม ไร้ที่ติ..เกินคำบรรยาย





ระหว่างทางขึ้นการประดับตกแต่ง และแสงไฟสวยงามมาก


ตู้นี้แหละ...ที่เราจะขึ้นไปชมวิวเมืองสิงคโปร์มุมสูงกัน








           พวกเราลงจาก Singapore Flyer อีกประมาณ 40 นาที ต่อมาแล้วเดินกลับทางเดิม ผ่านริมแม่น้ำ...แต่ตอนกลับค่ำแล้ว ตึกทุกตึกเปิดไฟสว่างดูเป็นสีสันสวยงามมาก...ตรงกันข้ามฝั่งแม่น้ำ ด้วยแสงเลเซอร์ที่สาดส่อง แสงไฟกระพริบจากตึกเล็กตึกน้อยลดหลั่นกันไป แล้วยังมีน้ำพุพร้อมกับเสียงเพลงบรรเลงอีก...ทุกอย่างดูกลมกลืน สวยงามเกินคำบรรยาย อดที่จะชื่นชมคนต้นคิดรูปแบบการโชว์นี้ไม่ได้ น่าทึ่งจริง ๆ จากที่ตรงนี้ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากทีเดียว..





       หลังจากชื่นชมความงามของแสง สี เสียงไปที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราก้อเดินหยุดที่ “Mosaic Music Festival”  อีกครั้ง คราวนี้มีวงดนตรีวงหนึ่งกำลังอยู่ และมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งเต้นอยู่หน้าเวที ดูจังหวะแล้วน่าเต้นมาก แต่ดูได้ไม่นานเพราะพวกเราต้องไปดูน้ำพุแห่งความมั่งคั่งอีก ...ตอนนี้เท้าแทบจะก้าวไม่ออกแล้วแถมรองเท้าเจ้ากรรมก้อกัดซะบวมแดงอ่ะ ...

               เราเดินมาอีกฝากของสะพานแต่กลับหลงทางซะงั้น ฉะนั้นเราต้องเดินกลับไปตั้งหลักทางเดิม แถมต้องเดินต่ออีกเท่าตัว นึกในใจน้ำพุเนี่ยทำไมหายากจัง ... พอเจอกลับมีแต่โครง น้ำพุหาย เค้าปิดปรับปรุง... -..-!! เหงือไหลไคลย้อย แถมเจ็บเท้าอีก...ไม่คุ้มเลย พวกเราเลยตัดสินใจไม่ไปไหนต่อ กลับโรงแรมด้วยแท็กซี่ดีกว่า...พรุ่งนี้ค่อยคิด
                ก่อนเข้าห้องพักเราแวะ Seven ด้วย ซื้อแปรงสีฟันและน้ำโค๊กอย่างที่ตั้งใจ อย่างละ 2 เหรียญ น่าเจ็บใจที่ตู้หยอดเครื่องดื่มแค่ 1 เหรียญเอง...พอเข้าห้องได้เราชิงตัดหน้าเพื่อน ๆ อาบน้ำก่อน เพราะเป็นน้ำอุ่น ...การได้แช่เท้าในน้ำอุ่นนี้ผ่อนคลายจริง ๆ ด้วยความอ่อนล้าและเหน็ดเหนื่อยในการตะลอนวันแรกของสิงคโปร์จบลงด้วยการที่เรานอนหลับก่อนคนอื่น...

           ราตรีสวัสดิ์ชาวโลก..Zzzzzzz^^




1 ความคิดเห็น: